ใบแจ้งข่าว สองผู้ต้องหาพม่าคดีเกาะเต่า ยื่นหนังสือผ่านตัวแทนสภาทนายความ ร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย ปฏิเสธไม่ได้ฆ่าหรือข่มขืนนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ระบุถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมให้รับสารภาพ

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือคดีที่ผู้ต้องหาชาวพม่าสองรายนาย วิน หรือเนวิน และนายซอ ถูกตั้งข้อหาในคดีอาญา จากเหตุการณ์ฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นายเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี และนางสาวฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ วัย 23 ปี ที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2557 โดยมีนายสุรพงษ์ กองจันทึก เป็นหัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือคดีและประเด็นอื่นๆที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหาในคดีอาญา  โดยมีทนายความอาวุโสจำนวนหนึ่งร่วมเป็นคณะทำงานดังกล่าวด้วย

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ทนายความของคณะทำงานดังกล่าวได้เข้าพบผู้ต้องหาเพื่อสอบข้อเท็จจริง โดยทางเรือนจำอำเภอเกาะสมุยได้จัดพื้นที่ให้คณะทนายความได้พูดคุยกับผู้ต้องหาได้อย่างเป็นอิสระ การสอบข้อเท็จจริงใช้ระยะเวลากว่า 5 ชั่วโมง และผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ร้องขอให้ทีมทนายความยื่นคำร้อง เพื่อขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนที่ว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการข่มขืนและการฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ สาเหตุที่ตนให้การรับสารภาพนั้น เนื่องจากระหว่างการถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหาทั้งสองได้ถูกเจ้าหน้าที่บางคนและล่ามของเจ้าหน้าที่ ร่วมกันกระทำการทรมานเพื่อให้รับสารภาพในวันที่ 2 ตุลาคม 2557 จากนั้นนพักงานตำรวจจึงได้ขอให้ศาลออกหมายจับและนำผู้ต้องหาทั้งสองลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อจัดทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันที่ 3 ตุลาคม 2557 ซึ่งได้มีข่าวปรากฎแพร่หลายตามสื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ การยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการครั้งนี้ เพื่อขอให้พนักงานอัยการดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องการบังคับให้ผู้ต้องหารับสารภาพและสอบสวนพยานของผู้ต้องหาประกอบด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและนำผู้กระทำความผิดที่แท้จริงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

ทั้งนี้ในกระบวนการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม นำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายนั้นก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียหายในคดีอาญา ญาติของผู้เสียหาย และต่อผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เพื่อให้แน่ใจว่าผู้กระทำความผิดอาญานั้นได้รับโทษตามสมควรแก่ความผิดที่ได้กระทำและเพื่อเป็นมาตรการมิให้ผู้กระทำความผิดลอยนวลหรืออยู่เหนือกฎหมาย อันจะสร้างความหวาดกลัว ความไม่ปลอดภัย ต่อคดีอาชญากรรมที่สร้างความสะเทือนขวัญให้กับประชาชนในสังคม เช่น เหตุการณ์ฆาตกรรมในพื้นที่เกาะเต่า ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ และมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในประเทศไทยมีหน้าที่หลักโดยตรงในการติดตามหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมที่มาตรฐานทางกฎหมายอาญาทั้งภายในและระหว่างประเทศได้รับรองไว้ ทั้งในขั้นตอนก่อนการพิจารณา เช่น ในการสืบสวน การจับกุม ควบคุมตัวเพื่อทำการสอบสวน ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล กระบวนการรับฟังพยานหลักฐาน รวมถึงการคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยระหว่างการพิจารณาคดี อันเป็นมาตรการป้องกันมิให้เกิดการละเมิดกฎหมายหรือหลักการด้านสิทธิมนุษยชนของผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหา

อนึ่งจากการเยี่ยมโดยคณะทำงานและตัวแทนองค์กรภาคประชาสังคม พบว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ถูกใส่โซ่ตรวนไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในขณะที่ผู้ต้องหาถูกขังอยู่ในเรือนจำและระหว่างที่เดินทางมายังศาล ซึ่งศาลปกครองเคยมีคำพิพาษาเพื่อสร้างบรรทัดฐานด้านการตรวนผู้ต้องขังตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องขัง

คดีดังกล่าวนี้ นับว่าเป็นที่สนใจของประชาชนทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (Human Rights and Development Foundation-HRDF)  เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (Migrant Workers Rights Network-MRWRN)  มูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนา (Foundation of Education and Development-FED)   และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (Cross Cultural Foundation-CrCF)  ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงความเป็นธรรม ตามกระบวนการยุติธรรม หลักนิติธรรม และหลักสิทธิมนุษยชน ขอให้การสนับสนุนการทำงานของสภาทนายความและรณรงค์เพื่อให้เกิดการความยุติธรรม ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม หลักนิติธรรม ในประเทศไทย



รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อผู้แทนทนายความ สภาทนายความ นายสุรพงษ์ กองจันทึก 081 642 4006 หรือ

นายนคร ชมพูชาติ 081 847 3086