ใบแจ้งข่าว: มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา เรียกร้องรัฐบาลไทยแก้ไขกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ จากกรณีที่พบการละเมิดสิทธิแรงงานข้ามชาติจากโครงการก่อสร้างของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

31 มกราคม 2566

ใบแจ้งข่าว

มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา เรียกร้องรัฐบาลไทยแก้ไขกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ จากกรณีที่พบการละเมิดสิทธิแรงงานข้ามชาติจากโครงการก่อสร้างของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

 

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน และ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาได้ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่แรงงานข้ามชาติสัญชาติเมียนมา จำนวน 16 ราย โดยการยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต ว่า บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งของโครงการก่อสร้างอาคาร ณ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงาน พ.ศ.2541 โดยการค้างจ่ายค่าจ้างคนงาน  และปัญหาการจ้างงานแรงงานข้ามชาติแบบรับจ้างงานช่วง (Sub-Contract )

โดยข้อมูลจากฝ่ายลูกจ้างพบว่า โครงการก่อสร้างแห่งนี้มีกิจการร่วมค้าหนึ่งเป็นผู้ชนะการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยจำนวนเงินทั้งสิ้น 210,000,000 (สองร้อยสิบล้านบาท) และมีการบริหารจัดการโครงการอันมีลักษณะเป็นการรับจ้างงานช่วง (Subcontract) จากการตรวจสอบทางมูลนิธิฯพบว่า ผู้รับเหมาช่วง ได้ละเมิดสิทธิด้านแรงงาน กล่าวคือ มิได้มีการจ่ายค่าจ้างในระหว่างวันที่22 มิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม พ.ศ.2565 มูลนิธิจึงได้ช่วยเหลือให้แรงงานร้องเรียนและทำหนังสือส่งพยานหลักฐานไปยังสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 เพื่อให้พนักงานตรวจแรงงานเรียกกิจการร่วมค้าเข้ามาร่วมรับผิด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 12 ซึ่งกำหนดว่า กรณีที่นายจ้างเป็นผู้รับเหมาช่วงไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ผู้รับเหมาชั้นต้นต้องร่วมรับผิดกับผู้รับเหมาช่วงด้วย ในกรณีนี้คือ ผู้รับเหมาชั้นต้นต้องรับผิดชอบจ่ายค่าจ้าง ตลอดจนเงินอื่น ๆ ให้แก่ลูกจ้างทั้ง 16 รายด้วย

ต่อมา วันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2566 ตัวแทนกิจการร่วมค้าซึ่งเป็นผู้รับเหมาชั้นต้น ได้ขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายลูกจ้าง และได้วางเงินค่าจ้างไว้ให้พนักงานตรวจแรงงาน ฝ่ายลูกจ้างภายหลังจากตรวจสอบรายละเอียดค่าจ้างค้างจ่ายและตกลงไกล่เกลี่ย จึงเดินทางไปที่สำนักงานสวัสดิการฯ และได้ทำบันทึกการรับเงินค่าจ้างค้างจ่ายจากกิจการร่วมค้า เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 98,200 บาท เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา

มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาเห็นว่า รัฐบาลมีนโยบายให้งานหรือธุรกิจ เคารพ ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งสิทธิมนุษยชนของแรงงานและแรงงานข้ามชาติ ตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน แต่หน่วยงานของรัฐ กลับไม่ยึดถือปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว โดยพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 8 นั้นได้กำหนดไว้แต่เพียงว่า การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐนั้นต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐ และสอดคล้องกับหลักการคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและตรวจสอบได้ในกระบวนการจัดซื้อ จัดจ้าง แต่มิได้กำหนดให้มีการตรวจสอบในเรื่องการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานไว้ด้วย ทั้งไม่ปรากฏว่ารัฐบาลและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ได้กำหนดนโยบายดังกล่าวไว้  จึงทำให้เกิดกรณีการละเมิดกสิทธิของแรงงานหลายกรณี โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ในโครงการก่อสร้างของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ และพนักงานทำความสะอาด ในหน่วยงานของรัฐ (http://hrdfoundation.org/?p=2978      และ http://hrdfoundation.org/?p=2718 )

ดังนั้น มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา จึงขอให้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนให้หน่วยงานของรัฐ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ ดำเนินกิจการบนพื้นฐานของการเคารพ ส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิด้านแรงงานของแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ และมีมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดและได้ผล เพื่อประกันว่านายจ้างที่เป็นผู้จัดขาย จัดหา รับจ้างหรือรับเหมางานหรือกิจการจากหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างเคร่งครัด

———————————————————————–

รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา สำนักงานจังหวัดภูเก็ต โทร. 087-4230999