HRDF สรุปประเด็นสำคัญ “มติ ครม. 30 พ.ค.66“ ส่งผลต่อเรื่องผ่อนผันแรงงานข้ามชาติ ในการอยู่และทำงานต่อ และขยายเวลาทำเอกสารเดินทางถึง 31 ก.ค. 66
|
30 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยต่อสำนักข่าวทำเนียบรัฐบาล ว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบในประเด็นเศรษฐกิจ–สังคม เรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคง และเศรษฐกิจของประเทศ โดยผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่เข้ามาทำงานตาม MOU ที่วาระการจ้างงานครบกำหนด 4 ปี (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2566) สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566
ตาม มติ ครม. 30 พ.ค.2566 ผ่อนผันแรงงานข้ามชาติ MOU 4 ปี ให้อยู่ต่อ และขยายเวลาทำเอกสารเดินทางถึง 31 ก.ค. 66 ดังกล่าว ทางมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) / Human Rights and Development Foundation (HRDF) ได้สรุปแนวทางเรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของแรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ(กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ 1 แรงงานตาม MOU ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 และ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 – 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
แนวทางการดำเนินการ
- การผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 โดยใช้หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน หรือเอกสารตามที่กรมการจัดหางานกำหนดเป็นหลักฐานแสดงการผ่อนผัน
- ในระหว่างการผ่อนผัน ให้นายจ้างรายเดิมหรือรายใหม่ที่ประสงค์จะจ้างแรงงานกลุ่มนี้ ให้ดำเนินการขออนุญาตนำแรงงานซึ่งได้รับการผ่อนผันเข้ามาทำงานตาม MOU ควบคู่ไปด้วย
- ในระหว่างการผ่อนผัน ให้แรงงานที่หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหมดอายุ หรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดสามารถเดินทางกลับประเทศได้ หรือเมื่อครบกำหนดการผ่อนผันแล้วให้แรงงานเดินทางกลับประเทศต้นทางโดยไม่มีความผิด
ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้วให้กระทรวงแรงงานเสนอเรื่องเพื่อพิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรี ( 30 พฤษภาคม 2566) หรือปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีต่อไป และในส่วนของการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อเสนอ ต่อ 2 กระทรวง ดังนี้
1. กระทรวงมหาดไทย
1.1 ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย ผ่อนผันให้แรงงานกลุ่มนี้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งยกเว้นการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด และการยกเว้นการแจ้งที่อยู่อาศัย ในระหว่างที่ยังไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือหนังสือเดินทางฯ หมดอายุ และ
1.2 ยกเว้นให้แรงงานข้ามชาติที่หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหมดอายุ หรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดสามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้โดยไม่มีความผิด
2. กระทรวงแรงงาน
ออกประกาศกระทรวงแรงงาน ผ่อนผันให้แรงงานทำงาน และให้นายจ้างรายเดิมหรือรายใหม่ที่ประสงค์จะจ้างคนแรงงานดำเนินการขออนุญาตนำแรงงานซึ่งได้รับการผ่อนผันเข้ามาทำงานตาม MOU ควบคู่ไปด้วย โดยให้เป็นไปตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด
กรณี กลุ่มที่ 2 ขยายระยะเวลาจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและการตรวจลงตรา (visa) แรงงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งไม่สามารถจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และการตรวจลงตรา (Visa) ได้ทันภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566
ทั้งนี้ มีแนวทางการดำเนินการ กรณีกลุ่มที่ 2 ดังนี้
- การผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 โดยให้ใช้ใบรับคำขออนุญาตทำงานฉบับเดิมเป็นหลักฐานการผ่อนผัน
- เมื่อแรงงานได้รับหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแล้ว ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจลงตรา (Visa) และอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 และตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566
และในส่วนของการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มี ดังนี้
- กระทรวงมหาดไทย ผ่อนผันให้แรงงานอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการยกเว้นการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด และการยกเว้นการแจ้งที่อยู่อาศัยของแรงงาน ตามมาตรา 37 และ 38 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
- กระทรวงแรงงาน ผ่อนผันให้แรงงานทำงาน ตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด และกรมการจัดหางาน ประสานประเทศต้นทางเพื่อออกหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ด้วยวิธีการตามที่ประเทศต้นทางร้องขอ การดำเนินการออกเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางให้ประเทศต้นทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจลงตรา (Visa) ตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และย้ายรอยตราประทับ ตามแนวทางที่กระทรวงแรงงานกำหนด รวมทั้งการยกเว้นการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด และการยกเว้นการแจ้งที่อยู่อาศัยแรงงานตามมาตรา 37 และ 38 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522