จดหมายเปิดผนึก: ขอให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารก่อสร้างของรัฐถล่มและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแรงงานทุกสัญชาติอย่างเร่งด่วน
|
เรื่อง ขอให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารก่อสร้างของรัฐถล่ม และให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแรงงานทุกสัญชาติอย่างเร่งด่วน
เรียน นายกรัฐมนตรี
สาเนาถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการแรงงาน
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทาให้อาคาร บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน ประชาชนทั้งในประเทศเมียนมาและประเทศไทยต้องหนีจากตัวอาคารเพื่อความปลอดภัย มีประชาชนในประเทศไทยได้รับความเสียหายปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตประมาณ 18 ราย บาดเจ็บ 34 ราย และสูญหาย 78 ราย และประชาชนในประเทศเมียนมาปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,700 คน บาดเจ็บกว่า 3,400 คนและยังมีผู้สูญหายอีกราว 300 คน อีกทั้งมีประชาชนอีกจานวนมากต้องกลายเป็นผู้ไร้ที่พักอาศัยชั่วคราว เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ขอเสียแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทั้งสองประเทศ
จากการติดตามสถานการณ์ของสมาชิกเครือข่ายองค์กรประชากรข้ามชาติ ซึ่งประกอบไปด้วยองค์กรภาค ประชาสังคมและชุมชนแรงงานข้ามชาติ พบว่า มีพี่น้องแรงงานในกิจการก่อสร้างได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่กาลังก่อสร้างอาคารสานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้ถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีแรงงานบาดเจ็บเสียชีวิตและสูญหายโดยวันเกิดเหตุมีคนงานเข้าทางาน 407 ราย ทั้งนี้มีหน่วยงานและองค์กรเอกชนจานวนมากได้ร่วมลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือ รวมทั้งสมาชิกของเครือข่ายฯและมีข้อสังเกต ข้อกังวลและข้อเรียกร้องมายังรัฐบาลและกระทรวงแรงงานในการคุ้มครองแรงงานในฐานะลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาคารก่อสร้างของสตง.ถล่ม ดังนี้
1.ขอให้กองความปลอดภัยแรงงาน ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ใช้อานาจตามกฎหมายในการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงของการถล่มของอาคารก่อสร้างสตง.อย่างจริงจัง อันนามาสู่การบาดเจ็บ สูญหายและเสียชีวิตของแรงงาน และให้มีการดาเนินคดีอาญาหากพบว่านายจ้างที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงการมีการกระทาอันมีลักษณะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ.2554
2.ขอให้กระทรวงแรงงานมอบหมายให้สานักงานประกันสังคม เร่งตรวจสอบสิทธิของลูกจ้างในฐานะผู้ประกันตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.2537 เนื่องจากกฎหมายกาหนดให้นายจ้างซึ่งประกอบกิจการก่อสร้าง ที่มีลูกจ้างลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องนาลูกจ้างขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคม และนายจ้างต้องขึ้นทะเบียนในกองทุนเงินทดแทน และหากมีการตรวจสอบพบว่านายจ้างไม่ได้ขึ้นทะเบียนลูกจ้าง ทั้งสองกองทุน ขอให้กระทรวงแรงงานเร่งดาเนินคดีเอาผิดต่อนายจ้างที่จงใจเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ลูกจ้างทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือแรงงานข้ามชาติสามารถเข้าถึงกองทุนทั้งสองได้ทันที
3.ในช่วงที่แรงงานต้องหยุดงานลงชั่วคราว ทางกระทรวงแรงงานต้องตรวจสอบว่าลูกจ้างได้รับค่าจ้างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 หรือไม่ ทั้งนี้โครงการก่อสร้างเป็นโครงการที่ผ่านการชนะการประมูลจากรัฐย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าผู้ชนะการประมูลจะมีศักยภาพทางการเงิน ในการชาระค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นในโครงการรวมถึงค่าจ้างค่าแรงของแรงงานทุกคน
4.เนื่องจากมีการใช้แรงงานข้ามชาติอยู่จานวนหนึ่งในโครงการก่อสร้างและแรงงานเหล่านี้อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมาย หากนายจ้างตัดสินใจเลิกจ้างในขณะที่แรงงานอยู่ในระหว่างการต่อเอกสาร หรือขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย ดังนั้น ทางเครือข่ายฯขอเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานเร่งตรวจสอบเอกสารคนงานเพื่อมิให้แรงงานข้ามชาติต้องกลายเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมาย เช่น อานวยความสะดวกกรณีต้องเปลี่ยนนายจ้างใหม่
5.ขอให้กระทรวงแรงงานมีมาตรการผ่อนผันในการดาเนินการต่อใบอนุญาตทางานหรือขึ้นทะเบียนกรณีที่แรงงานเอกสารสูญหายหรือไม่มีเอกสารแสดงตน ตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรี
6.เครือข่ายฯ พบว่า มีการจ้างงานแรงงานข้ามชาติในรูปแบบที่ซับซ้อน เนื่องจากมีการใช้ผู้รับเหมารายย่อยลาดับที่ 3-4 จานวนหนึ่ง ทาให้กระบวนการตรวจสอบเพื่อเยียวยาความเสียหายอาจจะมีอุปสรรคหรือเข้าไม่ถึงการเยียวยา ดังนั้นกระทรวงแรงงานต้องเรียกร้องให้บริษัทที่ชนะโครงการประมูลรับผิดชอบโดยทันที
7.เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน โดยให้มีการตรวจสอบกรณีบริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลจากโครงการทั้งของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมูลค่าที่สูง จะต้องมีความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อประกันว่าโครงการเหล่านั้นจะก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ลูกจ้างในโครงการและสิ่งแวดล้อม อันเป็นการสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืนตามเจตจานงค์ของรัฐอย่างแท้จริง
ด้วยความเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
นายอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงาน เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ
โทรศัพท์ 089 788 7138 หรือ อีเมล์ [email protected]