ใบแจ้งข่าว
วันที่ 5 สิงหาคม 2568
ศาลฎีกายืนคำพิพากษาให้แรงงานข้ามชาติ 35 คนได้รับเงินสงเคราะห์รวม 939,770 บาท ยืนยันสิทธิแรงงานต้องไม่ถูกจำกัดด้วยสถานะทางกฎหมาย
วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ศาลแรงงานภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ ศาลแรงงานได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีหมายเลขดำ ร212–246/2564 และคดีหมายเลขแดง ร58–92/2565 โดยศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลแรงงานชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้แรงงานข้ามชาติ จำนวน 35 คน ซึ่งทำงานแบบรับเหมาช่วง (subcontract) มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 939,770 บาท แม้ลูกจ้างแรงงานข้ามชาติยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้เกิดจากกรณีที่แรงงานไม่ได้รับค่าจ้างและค่าชดเชยจากนายจ้างที่ปฏิเสธการจ่ายเงินอย่างไม่เป็นธรรม แรงงานจึงได้ยื่นคำร้องขอรับเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง อย่างไรก็ตาม หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบกลับมีคำสั่งไม่อนุมัติ โดยให้เหตุผลว่าแรงงานไม่มีสถานะเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่อยู่ในขอบเขตของผู้มีสิทธิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การจำกัดสิทธิของแรงงานข้ามชาติด้วยเหตุแห่งสถานะการเข้าเมือง เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 126 การที่จำเลยและจำเลยร่วมมีคำสั่งไม่อนุมัติให้แรงงานทั้ง 35 คนได้รับเงินสงเคราะห์ จึงเป็นการวินิจฉัยที่เกินเลยไปจากที่กฎหมายและระเบียบรองรับ ศาลจึงมีคำสั่งเพิกถอนมติของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด
นอกจากนี้ ศาลยังวินิจฉัยว่า การอุทธรณ์ของคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาข้อเท็จจริง
ความสำคัญของคดีนี้
- ยืนยันหลักการว่า สิทธิแรงงานเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับความคุ้มครองโดยไม่เลือกปฏิบัติ
- เป็นบรรทัดฐานสำคัญในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติของหน่วยงานรัฐให้สอดคล้องกับกฎหมายแรงงาน และพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน
- เน้นย้ำว่าทุกคนที่ทำงานในประเทศไทย ไม่ว่าจะมีสถานะทางกฎหมายอย่างไร ควรได้รับความเป็นธรรมตามระบบแรงงานไทย
ดูเอกสารประกอบและข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ที่:
https://shorturl.asia/hcNbe
สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ:
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF)
อีเมล: in**@***********on.org, su*****@***il.com







