“เมื่อบ้านไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย การก้าวข้ามชายแดนจึงไม่ใช่ความฝัน แต่คือการเอาชีวิตรอด”
ในตอนที่ 3 ของ Power Labor เราอยากชวนคุณมาฟังเสียงของผู้คนที่ต้องโยกย้ายจากเมียนมาสู่ชายแดนไทยเสียงที่บอกเราว่า ไม่มีใครอยากจากบ้าน ถ้าบ้านยังมีที่ให้กลับไปได้จริงๆและมีความปลอดภัย ร่วมสนทนากับ คุณรวีพร ดอกไม้ จากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) สำนักงานแม่สอด และคุณฉัตรชัย วัฒนไชยประทีป นักศึกษาปริญญาเอก สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินรายการโดย ศิริรุ่ง ศรีสิทธิพิศาลภพ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF)
ผู้ลี้ภัยคือใครในความหมายของพื้นที่ชายแดน?
บทสนทนานี้ชวนมาทำความเข้าใจ “ผู้ลี้ภัย” ในความหมายที่เรียบง่ายที่สุด คนที่ถูกบังคับให้จากบ้าน ไม่ใช่คนที่เลือกเดินทางด้วยความสมัครใจ แม้รัฐไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับสถานะผู้ลี้ภัย แต่บนพื้นที่จริง ผู้คนจำนวนมากต้องใช้ชีวิตในระหว่างรอยต่อของระบบทางการ–นอกระบบ สถานะคลุมเครือ และความหวาดระแวงที่ไม่เคยจางไป และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า “ระบอบชายแดน” ชุดของกฎ กติกาทางการ และไม่เป็นทางการ ที่กำหนดชะตาของผู้ลี้ภัยอย่างเงียบงัน
ทำไมผู้คนต้องออกจากเมียนมา?
คำตอบจากแขกรับเชิญ สะท้อนเหตุผลใหญ่ 3 ประการ จากการสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัย 14 คน และกลุ่มสนทนา 5 ครั้ง (รวม 32 คน) ที่เข้ามาหลังรัฐประหารปี 2564 พบ 3 สาเหตุหลัก
1. เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นผู้ที่มีพื้นเพทางการเมือง เข้าร่วมการประท้วง หรือเป็นแกนนำ/ผู้สนับสนุนขบวนการต่อต้านรัฐประหาร
2. ผลกระทบจากกฎหมายเกณฑ์ทหารบังคับ รัฐบาลเมียนมาประกาศใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารบังคับในปี 2567 สำหรับชายอายุ 14-35 ปี และหญิงอายุ 18-27 ปี การฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 3-5 ปี ทำให้ประชากรกว่า 14 ล้านคนต้องเผชิญทางเลือกที่ยากลำบาก
3. ผลกระทบโดยตรงจากสงครามชาวบ้านทั่วไปที่บ้านเรือนถูกโจมตี ถูกทิ้งระเบิด หรือมีการปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยได้ แตกต่างจากผู้ที่หนีมาเพียงชั่วคราวแล้วกลับไปเมื่อสถานการณ์สงบ ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ไม่สามารถกลับบ้านได้และต้องพลัดถิ่นนานขึ้น
การเอาชีวิตรอดใต้ร่มเงาระบอบชายแดนไทย
ผลกระทบจากสงครามที่เกิดข้นในประเทศพม่า นั้นจากการสอบถามและข่าวที่เราได้รับหมู่บ้านถูกโจมตี ระเบิด ตกใส่บ้านตัวเองต่อหน้าต่อตาหลายคนไม่สามารถอยู่รอให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วกลับบ้านได้อีกต่อไป ผู้ลี้ภัยจำนวนมากไม่ได้ออกจากบ้านแล้วมาถึงไทยทันที แต่ พลัดถิ่นซ้ำแล้วซ้ำอีกในเมียนมานานหลายเดือน ก่อนจะข้ามแดนด้วยความหวังสุดท้ายว่า “ที่(ไทย)นี่อาจปลอดภัยกว่า”
เมื่อมาถึงไทย พวกเขาต้องเลือกหนึ่งในเส้นทางเอาตัวรอด
พยายามเข้าสถานะผู้ลี้ภัยผ่านองค์กรระหว่างประเทศ แต่ระบบรองรับได้จำกัด การขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติเป็นทางออกที่ทำได้จริงที่สุด แม้ต้องจ่าย 10,000 บาท/ปี (เป็นอย่างต่ำ) ผ่านคนกลาง (นายหน้า) นอกจากนี้หากพวกเขาไม่สามารถขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติได้ การพึ่งพากลไกนอกระบบในพื้นที่ชายแดน เช่น บัตรชายแดน ที่ต้องจ่ายรายเดือนเพื่อความปลอดภัยชั่วคราว การลักลอบทำงาน กระบวนการเอาตัวรอดของพวกเขาทุกเส้นทางไม่ง่าย ไม่มีเส้นไหนสมบูรณ์แบบ และทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะ ไม่มีสถานะใดจากรัฐไทยที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ของพวกเขาอย่างชัดเจน
เรื่องเล่าที่ทำให้เราต้องหยุดคิด
บทสนทนาพาเราเข้าไปเห็นชีวิตจริง เช่น เด็กหนุ่มอายุไม่ถึง 20 หนีระเบิด พลัดถิ่นนานหลายเดือนในประเทศพม่า ก่อนตัดสินใจดิ้นรนมาทำงานในไทยคนเดียว เพื่อส่งเงินกลับบ้านเลี้ยงครอบครัว และในที่สุดก็พาครอบครัวตามมาที่ไทย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอดีตทนายความที่ถูกหลอกมาทำงานค่าแรง 100 บาท/วัน ก่อนยืนหยัดหางานใหม่แม้เจ็บตัวจากงานก่อสร้าง ทุกเรื่องราวสะท้อนพลังเล็กๆ ของมนุษย์ที่ไม่เคยหยุดดิ้นรน เพื่อให้ตัวเองและครอบครัวอยู่รอดได้อย่างมีศักดิ์ศรี
สุดท้ายนี้ แขกรับเชิญทั้งสองท่านพยายามชี้ให้เห็นว่า “ผู้ลี้ภัยไม่ใช่ผู้รอคอยความช่วยเหลือ แต่เป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพเต็มเปี่ยมในการดูแลตัวเอง พวกเขาไม่ได้ต้องการการกอบกู้ แต่ต้องการเงื่อนไขที่ไม่กีดขวาง และเหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์ทุกคนต้องการความปลอดภัย เมื่อเราเข้าใจว่าไม่มีใครอยากหนีจากบ้านจริงๆ เราจะมองผู้ลี้ภัยด้วยสายตาที่เป็นธรรมขึ้นอีกมาก
ผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ รายงาน “ระบอบชายแดนและชีวิตของผู้ลี้ภัยจากเมียนมาหลังรัฐประหาร 2564” จัดทำโดย คุณฉัตรชัย วัฒนไชยประทีป คุณระวีพร ดอกไม้ และ ผศ.ดร.จิราพร เหล่าเจริญวงศ์ เป็นบรรณาธิการ การจัดทำบันทึก เรื่องราวชีวิต ความท้าทาย และประสบการณ์ของผู้ลี้ภัยเมียนมาที่ต้องหลีกหนีความรุนแรงข้ามพรมแดนมาสู่ประเทศไทย พร้อมฉายภาพให้เห็นโครงสร้าง กฎเกณฑ์ และระบบการจัดการในพื้นที่ชายแดน ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ลี้ภัยอย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง
รายงานนี้จัดทำขึ้นเพื่อ
• สะท้อนสภาพชีวิตจริงของผู้ลี้ภัยหลังรัฐประหาร
• ทำความเข้าใจบริบทชายแดนและการรับมือที่เกิดขึ้นในพื้นที่
• ชี้ให้เห็นข้อจำกัดเชิงนโยบายที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชน
• เสนอแนวทางเชิงนโยบายเพื่อคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ลี้ภัย
📥 ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ฟรีที่ลิงก์ในโพสต์ หรือสแกน QR Code
https://hrdfoundation.org/?p=8059




